วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

“เริม” ใครๆเค้าก็เป็นกัน โดย พ.ญ. อนิตา เครือวิทย์ (หมอเอื้อย)



เรื่อง “เริม” ใครๆเค้าก็เป็นกัน โดย พ.ญ. อนิตา เครือวิทย์ (หมอเอื้อย)

เริ่มหัวข้อมา  คุณผู้อ่านบางท่านอาจจะ ตกใจ แต่คุณผู้อ่านหลายๆท่านคงจะโล่งใจใช่มั๊ยละคะ ว่าไม่ใช่ชั้นคนเดียวนะที่เป็นโรคนี้ เพราะฉะนั้น เรามารู้จักเจ้าเริมนี่กันดีกว่าค่ะ ตามสุภาษิตจีนที่ว่า “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” เพื่อที่ว่า คนที่ยังไม่เป็นจะได้หลีกหนีจากเริมได้ ส่วนผู้ที่เป็นแล้วจะได้รู้วิธีการปฏิบัติตัวเพื่อลดความรุนแรงและระยะที่เป็นของโรค รวมถึงลดโอกาสการส่งต่อเชื้อให้ผู้อื่นด้วยไงคะ 

ทีนี้ก่อนที่เราจะรู้ว่าเราจะรอดจากเชื้อเริมได้อย่างไร เรามารู้จักเจ้าไวรัสตัวนี้กันให้ละเอียดขึ้นอีกนิดนะคะ ไวรัสเริมมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Herpes Simplex Virus (HSV) มีอยู่2ชนิดที่ทำให้เกิดโรคเริมอย่างที่เราเห็นกัน ชนิดแรก หรือ HSV type1 ทำให้เกิดรอยโรคที่ริมฝีปาก เป็นส่วนใหญ่ ส่วน ชนิดที่สองหรือ HSV type2 นั้นทำให้เกิดรอยโรคที่อวัยวะเพศ จึงถือว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างหนึ่ง บริเวณอื่นของร่างกายก็เป็นได้นะคะ อย่างเช่นนิ้วมือ หรือ แขน ขา เริมเป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่ติดต่อทางการสัมผัสค่ะ ทำให้มีอาการแสดงทางผิวหนังออกมาเป็นผื่นพองเป็นตุ่มน้ำใส หลังจากนั้นตุ่มใสจะแตกออกเป็นแผลตื้นๆ ตกสะเก็ด เป็นอยู่ประมาณ7-10วัน แล้วก็หายไป เมื่อเราได้รับเชื้อมาแล้ว เชื้อไวรัสเริมจะเข้ามาหลบอยู่ในร่างกายเราอย่างเงียบๆค่ะ แล้วเมื่อไหร่ที่ร่างกายเราอ่อนแอ ภูมิต้านทานลดลง อย่างเช่น เครียด อดนอน มีประจำเดือน จะทำให้เชื้อเริมออกมาอาละวาดอีกครั้ง ซึ่งมักจะเป็นตรงบริเวณเดิมๆที่เคยเป็นค่ะ อย่าเพิ่งตกใจนะคะ เริมถึงแม้รักษาไม่หายขาด แต่เราสามารถรักษาให้ความรุนแรงน้อยลง หายเร็วขึ้นได้ดังนี้ค่ะ

• รีบทายาและกินยาต้านไวรัส ยิ่งได้รับยาเร็วก็จะช่วยให้ผื่นยุบแห้งเร็วขึ้น แล้วยังช่วยลดอัตราการแพร่เชื้อไปสู่คนอื่นด้วยนะคะ
• ดูแลบริเวณที่เป็นแผลเริมให้แห้ง หากตุ่มใสแตกออก ให้ทำความสะอาดด้วยน้ำและสบู่ก็เพียงพอ
• ไม่จับแผลบ่อยๆ ล้างมือให้บ่อยขึ้น
• พักผ่อนให้มากขึ้น ทำใจให้สบาย อย่าเพิ่งจิตตกยิ่งเครียดจะยิ่งพาลให้เริมอยู่กับเรานานขึ้นอีกนะคะ
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง เช่น การจูบ ใช้ช้อนหรือผ้าเช็ดตัวร่วมกับคนอื่น ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ก่อน จนกว่าจะหายสนิท การใช้ถุงยางอาจป้องกันเริมได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นนะคะ

เริมเป็นโรคที่พบบ่อยกว่าที่เราคิดจริงๆค่ะ ทราบมั๊ยคะว่า เราติดเชื้อนี้กันอย่างไม่รู้ตัวและยังไม่แสดงอาการออกมา ดังนั้นนอกจากการปฏิบัติตัวดังที่กล่าวมาแล้ว ทางที่ดีที่สุดคือ ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงนะคะ จะได้ห่างไกลจากโรคและจากเริมด้วยค่ะ

ที่มา : พ.ญ. อนิตา เครือวิทย์ (หมอเอื้อย)
ติดต่อสอบถามข้อมูลและ
ติดตามบทความอื่นๆได้ที่ www.drugsquare.co.th หรือ เบอร์โทรร้านยา 023116337
#ชุมชนสุขภาพดี #ให้ความรู้ชุมชน #drugsquare 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น